การนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานทั้งวี่ทั้งวัน แถมยังต้องนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวันอีกนั้น ถือเป็นวิถีชีวิตปกติที่เหล่าบรรดาหนุ่มสาวชาวออฟฟิศต้องพบเจอกันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว และจากพฤติกรรมนี้เอง อาจจะทำให้หลายๆ คนเกิดปัญหา "ปวดหลัง" ได้ยิ่งถ้าเป็นสาวๆ ที่ชอบสวมใส่รองเท้าส้นสูงก็จะยิ่งมีโอกาสปวดหลังได้ง่ายมากกว่าหนุ่มๆ เข้าไปอีก
ในขณะที่บางคนก็แปรสภาพจากชาวออฟฟิศธรรมดาเป็นมนุษย์บ้างาน แบบที่ว่าลมหายใจเข้า - ออกก็เป็นการเป็นงานไปเสียหมด ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะนั่นเท่ากับว่าคุณเลือกที่จะใส่ใจงานมากกว่าตัวเอง บางคนยอมทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียสะสม ดังนั้นจึงไม่แปลกหากคนในกลุ่มนี้จะมีปัญหา "ปวดหลังเรื้อรัง" มากกว่าหนุ่มสาวชาวออฟฟิศทั่วๆ ไป
อาการปวดหลังที่บรรดาหนุ่มสาวชาวออฟฟิศส่วนใหญ่มักจะเป็นกันนั้น นอกจากเป็นเพราะ "อุบัติเหตุ" แล้ว ต้นเหตุของโรคนี้กว่า 80% มาจาก "การใช้ชีวิตประจำวัน" ทั่วไปซึ่งก็คือพฤติกรรมต่างๆ ในขณะทำงานนั่นเอง และต้นเหตุมักเกิดจาก "หมอนรองกระดูกสันหลังทับเส้นประสาท" ทำให้มีอาการปวดหลังส่วนล่าง ปวดตะโพก และลามปวดร้าวลงสู่ขา ซึ่งเกิดจากการอักเสบของเอ็นและกล้ามเนื้อ เพราะการจัดท่าทางร่างกายไม่ถูกต้อง เช่น นั่งหลังงอ เดินหลังโก่ง หรือยกของหนักเกินไป วิธีการรักษาที่นิยมทำกันโดยทั่วไปในปัจจุบันมี 2 วิธี คือ การรักษาด้วยการให้ยาและกายภาพบำบัดแบบ Passive ช่วยลดอาการปวดได้ดี แต่ไม่ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างพอเพียงที่จะป้องกันอาการปวดซ้ำซากในอนาคตได้ ส่วนวิธีการรักษาแบบ Active Rehabilitation เป็นแนวทางใหม่ที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ เป็นที่ยอมรับกันว่าสามารถระงับปัญหาอาการปวดเรื้อรังได้ถาวร ดีกว่าการรักษาแบบเดิมๆ และการออกกำลังกายที่เน้นตรงกล้ามเนื้อในส่วนที่มีปัญหา โดยออกแบบโปรแกรมให้เข้ากับเฉพาะตัวบุคคล และมีผู้ดูแลควบคุมใกล้ชิดได้ผลดีกว่าการออกกำลังกายตามลำพังตัวคนเดียวอย่างชัดเจน
วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือต้องฟิต ต้องทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยการออกกำลังกายตามสมควรแก่สภาพร่างกาย ไม่หักโหมเกินตัว และดูแลเรื่องอาหารการกินเพื่อไม่ให้น้ำหนักมากเกินไป รวมถึงการเลิกสูบบุหรี่ด้วย และที่สำคัญก็คือ หมั่นใส่ใจดูแลตัวเองดีๆ เมื่อพบอาการผิดปกติก็ควรจะรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา เพราะหากคุณปล่อยเอาไว้จนเรื้อรัง อาการปวดหลังที่ว่าอาจจะกลายเป็นอัมพาตได้ในที่สุด
ที่มา: หนังสือพิมพ์ดิจิตอล Investor Station